รูปแบบของการวางแนวเหล็กเสริมในฐานราก (ต่อ)
สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่รักทุกๆ ท่าน
วันนี้ผมจะขออนุญาตนำเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการออกแบบและการทำงานโครงสร้าง คสล มาฝากเพื่อนๆ กันเกี่ยวกับเรื่อง “รูปแบบของการวางแนวเหล็กเสริมในฐานราก” กันต่อ โดยที่เนื้อหาที่ผมจะนำมาพูดคุยกับเพื่อนๆ ในวันนี้จะมีความเกี่ยวเนื่องกับประเภทของฐานรากที่ใช้เสาเข็มแค่เพียง 1 ต้น หรือ F1 ซึ่งก็จะต่อเนื่องกับเนื้อหาที่ผมได้อธิบายไปแล้วเมื่อวานด้วยนะครับ
ก่อนอื่นผมคงต้องขอทำการเท้าความกันสักเล็กน้อยก่อนนะครับว่าในโพสต์ก่อนหน้านี้ของผมได้นำเสนอวิธีการเสริม เหล็กนอน (MAIN REIFORCEMENT STEEL) ในฐานราก F2 F3 F4 และ F5 ที่ได้รับการออกแบบโดย BALANCE METHOD และ STRUT AND TIE METHOD กับเพื่อนๆ ไปแล้ว และ เนื่องจากในฐานราก F1 นั้นพฤติกรรมต่างๆ ของฐานรากจะเกิดไม่ซับซ้อนเหมือนฐานรากประเภทอื่นๆ ผมจึงไม่ได้นำเสนอไว้ในโพสต์ก่อนหน้านี้ แต่ ลักษณะของ F1 นี้จะมีลักษณะเด่นในตัวเองแตกต่างออกไปจากประเภทของฐานรากชนิดอื่นๆ อยู่หลายประการ เช่น เหล็กเสริมที่จะทำหน้าที่เด่นๆ ในฐานราก F1 จริงๆ แล้วคือตัว เหล็กโอบรัด (โดยที่ในประเด็นนี้ผมได้นำเสนอไปแล้วในโพสต์ที่ผ่านมา) และ ผลของการเยื้องศูนย์ของเสาเข็มในฐานราก F1 จะส่งผลทางด้านกำลังและเสถียรภาพของตัวฐานรากและตอม่อที่มากกว่าฐานรากประเภทอื่นๆ เป็นต้น นี่คือสาเหตุว่าเพราะเหตุใดผมจึงได้แยกการนำเสนอในหัวข้อนี้ออกมาเป็นอีกหัวข้อหนึ่งนั่นเองนะครับ
โดยที่เนื้อหาในวันนี้ผมจะมาอธิบายถึงว่า เพราะเหตุใดผลของการเยื้องศูนย์ของเสาเข็มในฐานราก F1 ถึงได้ส่งผลทางด้านกำลังและเสถียรภาพของตัวฐานรากและตอม่อที่มากกว่าฐานรากประเภทอื่นๆ นะครับ
เนื่องจากว่าฐานราก F1 นั้นถูกนำมักใช้ก่อสร้างอาคารที่มีขนาดไม่ใหญ่โตมาก เช่น บ้านพักอาศัยที่มีน้ำหนักบรรทุกน้อย เป็นต้น โดยในฐานรากที่มีเสาเข็ม 1 ต้น นั้นเรามักที่จะทำการวางให้เสาเข็มนั้นอยู่ตรงกันกับศูนย์กลางของตำแหน่งตอม่อพอดี แต่ ก็ด้วยคุณสมบัติข้อนี้เองที่ทำให้เรามักจะพบว่าการก่อสร้างฐานราก F1 นี้มีปัญหาอันเนื่องมาจากขั้นตอนในการตอกเข็มนั้นมักที่จะเกิดการเยื้องศูนย์ (PILE DEVIATE) ออกไปจากตำแหน่งดังกล่าวนั่นเองครับ
ซึ่งจริงๆ แล้วผู้ออกแบบที่มีประสบการณ์ก็มักที่จะนิยมทำการเผื่อเอาไว้สำหรับกรณีไว้ที่ประมาณ 0.10D ถึง 0.20D อยู่แล้วนะครับ ดังนั้นการเยื้องศูนย์ที่พอจะเป็นที่ยอมรับได้ในการทำงานจริงๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในแต่ละทิศทางของฐานรากนั้นก็ คือ ไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของระยะ D นั่นเอง เมื่อ D คือขนาด สผก ของเสาเข็ม โดยถ้าหากว่ามีค่าการเยื้องศูนย์ที่เกินไปจากค่าๆ นี้ก็ต้องทำการคำนวณเพื่อทำการปรับแก้ตัวโครงสร้างของฐานรากและตอม่อเพื่อที่จะให้สามารถต้านทานต่อโมเมนต์ที่เพิ่มขึ้นให้ได้ด้วยนะครับ
ดังนั้นประเด็นๆ นี้ทางผู้ออกแบบมักที่จะเป็นผู้กำหนดและชี้ขาดลงไปในแบบก่อสร้างเลยนะครับว่ารายละเอียดการเสริมเหล็กของตัวฐานรากที่ทางผู้ออกแบบนั้นต้องการให้ทางหน้างานทำนั้นควรเป็นแบบใด ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ควบคุมการทำงานสามารถที่จะทำการควบคุมการทำรายละเอียดการเสริมเหล็กดังกล่าวให้ออกมาสอดคล้องและเป็นไปตามแบบที่ทางผู้ออกแบบได้ทำการกำหนดมาตั้งแต่แรกนั่นเองนะครับ
หวังว่าความรู้เล็กๆน้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านในวันนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ
ref source: http://bit.ly/2IWQlIN
ADMIN JAMES DEAN
Bhumisiam ภูมิสยาม
ผู้ผลิตรายแรก Spun MicroPile
(1) ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐาน ISO 9001:2015
(2) ได้รับมาตรฐาน ISO 9001:2015 UKAS ภายใต้การดูแลของ อังกฤษ
(3) ได้รับมาตรฐาน ISO 9001:2015 NAC ภายใต้การดูแลของ สมอ.
(4) ได้รับมาตรฐาน มอก. 397-2524 เสาเข็ม Spun MicroPile Dia 21, 25, 30 cm.
(5) ผู้ผลิต Spun MicroPile ที่ได้รับ Endorsed Brand รับรองคุณภาพมาตรฐานจาก SCG
(6) ผู้นำระบบ Computer ที่ทันสมัยผลิต เสาเข็ม Spun MicroPile
(7) ลิขสิทธิ์เสาเข็ม Spun MicroPile
(8) เทคโนโลยีการผลิต จากประเทศเยอรมัน
(9) ผู้ผลิต Spun MicroPile แบบ “สี่เหลี่ยม”
(10) การผลิตคอนกรีตและส่วนผสม ใช้ Program SCG-CPAC
เสาเข็ม สปันไมโครไพล์ ช่วยแก้ปัญหาได้เพราะ
(1) สามารถทำงานในที่แคบได้
(2) ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียง
(3) หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน
(4) สามารถรับน้ำหนักได้ 20-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินแต่ละพื้นที่
(5) สามารถตอกชิดกำแพง ไม่ก่อให้โครงสร้างเดิมเสียหาย
สนใจติดต่อสินค้า เสาเข็มสปันไมโครไพล์ มาตรฐาน มอก. โทร
063-889-7987
082-790-1447
082-790-1448
082-790-1449